คุณสมบัติของ PU FOAM

 
คุณสมบัติของโพรียูริเทนโฟม (PU FOAM)
 
1.ป้องกันความเย็น-ร้อน (Most efficient) เนื่องจากค่าการนำความร้อน (K-factor) เพียง  0.0198W/ mk ซึ่งมีค่าต่ำมาก ใกล้เคียงกับสูญญากาศทำให้ P.U.Foam ไม่สามารถนำความร้อน จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง
 
2.ป้องกันการซึม เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นเซลล์ปิด มีการซึมผ่านของน้ำไม่เกิน 2% จึงทำให้น้ำ,ความชื้นไอน้ำ ไม่สามารถซึมไปยังส่วนอื่นได้ จึงป้องกันการซึม (แต่ไม่อาจป้องกันการรั่วของหลังคาได้ เพราะมีเหตุปัจจัยประกอบหลายอย่าง)
 
3.การทนต่อกรด- ด่าง ( Acid&Base Resistant ) PU FOAM ไม่ละลายในกรด-ด่าง แอลกอฮอล์ น้ำมันเครื่อง จึงทำให้สามารถป้องกันการเสียหายจากสารที่กล่าวข้างต้น
 
4.การทนไฟ-ไม่ลามไฟ ( FireResistant ) PU FOAM  เป็นฉนวนที่ติดไฟ แต่ไม่ลามไฟ เพราะใส่สารกันไฟไว้ถึง 15% จึงไม่เป็นเชื้อเพลิง เมื่อโดนไฟเผา
 
5.ไม่มีสารเจือปน ( Non-toxic Irritant) เนื่องจากเป็นฉนวนที่แข็งตัวเป็นก้อน ไม่มีกรด-ด่าง หรือตัวทำละลายอย่างอื่นๆ จะมาเปลี่ยนสภาวะจากของแข็งเป็นของเหลวได้จึงไม่มีสารระคายเคือง หรือสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้เหมือน ใยแก้วและใยหินที่มีโอกาสหลุดร่วงเป็นละอองได้
 
6.ป้องกัน มด นก หนู แมลง ให้เข้ามาอยู่อาศัย (Vermin Resistant) ได้มีการปรับปรุงส่วนผสมที่ทำให้ มด นก หนู แมลงไม่ชอบ สัตว์เหล่านั้นจึงไม่เข้าไปทำรัง หรือทำลายฉนวนได้
 
7.น้ำหนักเบาและแข็งแรง ( Light Weight & Strength) มีน้ำหนักเบา โดยโฟมขนาด 1 เมตร x 1เมตร x 1 นิ้ว จะมีน้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม จึงทำให้ไม่เพิ่มน้ำหนักบนตัวโครงสร้าง หรือฐานราก และยังรับน้ำหนักแรงกดได้ถึง 2.20 กิโลกรัม
 
8.ติดตั้งง่าย ( Easy To Install) ในการพ่นฉนวน PU FOAM ตัวโฟมจะเริ่มใช้เวลาเซ็ทตัวเพียง 3 วินาที และจะแข็งตัวภายในเวลา 20 วินาทีเท่านั้น ไม่ต้องรอให้แห้งเป็นชั่วโมง สามารถฉีดพ่นใต้หลังคา บนหลังคา ใต้พื้นฐานรากและติดกับวัสดุได้ทุกชนิด
 
9.ไม่มีการยุบตัวและสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรม ( Non Pack Down ) เพราะมีความหนาแน่นถึง 35-50 ก.ก/ ลุกบาศก์เมตร มีลักษณะแข็ง ไม่เสื่อมสภาพ และสามารถขึ้นรูปได้ตามวัสดุที่ฉีด พ่น เป็นลอนหลังคา หรือรูปต่างๆ จึงทำให้ฉนวนชนิดนี้ทนทานไม่ยุบตัวและสวยงาม
 
10.ลดเสียงดัง กั้นเสียง ( Noise Inhibiting ) เพราะมีโครงหลังคาภายในเซลล์ เป็นช่องอากาศเป็นโพรงเรียกว่า Air Gap เป็นจำนวนมาก สามารถลดการพาของเสียง หรือลดความดังประมาณ 70 เดซิเบล
 
11.ควบคุมการกลั่นตัวของหยดน้ำ ( Condensation Control) PU FOAM จะเป็นตัวกั้นกลาง แยกความร้อนและความเย็นอยู่คนละข้าง จึงทำให้ไม่เกิดการเกาะตัวของไอน้ำ จึงเหมาะสำหรับใช้ในห้องเย็น ตู้เย็น
 
12.ประหยัดพลังงาน สามารถป้องกันการนำ การพา และการแผ่รังสีความร้อนจากภายนอกถึงผนังและหลังคา ได้มากกว่า 90 % ทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงจากภายนอกมากกว่า 20 องศาเซลเซียส อาจไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศ  แต่ถ้าใช้ก็จะทำให้ห้องเย็นลงอย่างรวดเร็วลดการสูญเสียพลังงาน สามารถประหยัดไฟฟ้ามากกว่า 50 %
 
13.มีประสิทธิภาพการใช้งาน ในอุณหภูมิที่  – 70 ถึง 100 องศาเซลเซียส
 
14.PU FOAM มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี โดยไม่ต้องบำรุงรักษาแต่อย่างใด
 
15.เมื่อฉีด PU FOAM แล้วสามารถป้องกันการรั่วไหลของความร้อนและความเย็น ภายในห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากโพรียูริเทนโฟม จะไม่มีรอยต่อ หรือตะเข็บ สามารถฉีดได้ทุกซอกทุกมุม
 
 
คำนวณการประหยัดค่าไฟฟ้า
 
สูตร Q = UAT
Q = สัมประสิทธิ์การส่งผ่านความร้อน
U = สัมประสิทธิ์การถ่ายความร้อน
A = พื้นที่การถ่ายเทความร้อน
T = อุณหภูมิห้อง
 
ตัวอย่าง  ห้องนอนกว้าง 5 เมตร ยาว 6 เมตร จำนวน 1 ห้อง
ขนาดห้องกว้าง 5 เมตร x ยาว 6 เมตร = พื้นที่ 30 ตร.ม.
สูตรการคำนวณหา Btu ของแอร์ = 800 x กว้าง x ยาว = 800x5x6
ห้องนี้ต้องใช้แอร์ขนาด = 24,000 Btu เป็นอย่างน้อย
 
คำนวณโดยการเปรียบเทียบระหว่างฉนวนใยแก้ว กับ PU FOAM
ค่า U ของฉนวนใยแก้วหุ้มฟอยล์ ที่ความหนา 2 นิ้ว เท่ากับ 0.038 Btu/tf2hf
ค่า U ของฉนวน PU FOAM ที่ความหนา 1 นิ้ว เท่ากับ 0.137 Btu/tf2hf
อุณหภูมิในการทดสอบ อยู่ที่ 4 องศาเซลเซียส
 
ห้องที่ใช้ใยแก้วปูที่เพดานห้องห้องที่ฉีดด้วยฉนวน PU FOAM
สูตร Q = UATสูตร Q = UAT
Q = 0.038x24,000x40Q = 0.137x24,000x40
Q = 36,480 BtuQ = 13,152 Btu
 
เปรียบเทียบค่าสัมประสิทธิ์การส่งผ่านความร้อน ระหว่างฉนวนใยแก้ว กับ PU FOAM 36,480-13,152 = 23,328 Btu.h.
แสดงว่า PU FOAM มีค่าสัมประสิทธิ์ ต่ำกว่า ฉนวนใยแก้ว 23,328 Btu.h.
หมายเหตุ 1 ตันความเย็น เท่ากับ 12,560 Btu ดังนั้น 23,328/12,560 = 1.86 ตันความเย็น
การใช้ฉนวน PU FOAM สามารถลดขนาดของเครื่องปรับอากาศได้ 1.86 ตันความเย็น
เครื่องปรับอากาศ 1 ตัน ใช้ค่าพลังงานไฟฟ้าประมาณ 1.25 kw. ปัจจุบันค่าไฟฟ้า KWH ละ 3.75 บาท
กรณีเปิดเครื่องปรับอากาศ 8 ชั่วโมง มีค่าใช้จ่ายดังนี้
 
กรณีใยแก้ว 36,480/12,560 = 2.91 ตันความเย็น
2.91 x 1.25 x 3.75 x 8 = 109.13 บาท หรือ 13.65 บาท/ชั่วโมง
 
กรณี PU FOAM 13,152/12,560 = 1.05 ตันความเย็น
1.05 x 1.25 x 3.75 x 8 = 39.38 บาท หรือ 4.93 บาท/ชั่วโมง
 
การเปิดเครื่องปรับอากาศโดยมีใยแก้วเป็นฉนวน วันละ 8 ชั่วโมงทุกวัน 1 ปี จะมีค่าไฟฟ้าประมาณ
109.13 x 365 = 39,832.45 บาท
 
การเปิดเครื่องปรับอากาศโดยมี PU FOAM เป็นฉนวน วันละ 8 ชั่วโมงทุกวัน 1 ปี จะมีค่าไฟฟ้าประมาณ
39.38 x 365 = 14,373.70 บาท
 
สรุป การใช้ PU FOAM เป็นฉนวนกันความร้อน สามารถประหยัดค่าใช้จ่าย ดังนี้
1. ค่าเครื่องปรับอากาศ
   ห้องที่ใช้ PU FOAM สามารถลดปริมาณ Btu ของแอร์ลง 23,328 Btu คิดค่าแอร์ 20,000 Btu ที่ราคา 50,000 บาท
   ดังนั้น จึงเป็นค่าแอร์เท่ากับ 50,000 x23,328 / 20,000 = 58,320 บาท
2. ค่าไฟฟ้า
   หากเปิดแอร์เป็นประจำทุกวัน ๆ ละ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 ปี PU FOAM จะประหยัดค่าไฟฟ้าเท่ากับ
   39,832.45-14,373.70 = 25,458.75 บาท
 

 

APPLICATION OF WORKS

 

 

Polyurethane Foam คือ Cellular Plastic เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งในปัจจุบัน

Rigid Polyurethane Foam เป็นการนำสารเคมี 2 ชนิด คือ Component A แและ Component B 

มาผสมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม

 

             การผสมจะเกิดปฎิกิริยาของความร้อน ซึ่งจะกลายเป็นละออง เป็นเหตุให้โฟมขยายตัวถึง 30 เท่า โดยปกติความหนาแน่นของเนื้อโฟมจะอยู่ระหว่าง ไม่น้อยกว่า 35 Kg/m3 แล้วข้อดีคือจะติดสนิทเป็นเนื้อเดียวกันตลอด การยึดเกาะติด และมีค่าสัมประสิทธิ์การนำความร้อนต่ำ จึงเป็นการดีเยี่ยมที่จะเป็นฉนวนกันความร้อน

 

            Polyurethane Foam มีลักษณะเป็นโพรงอากาศเล็กๆ มากมายซึ่งเป็น Closed Cell ทำให้อากาศอยู่นึ่งทนต่ออากาศทุกฤดูกาล ทั้งยังมีน้ำหนักเบา ไม่เสื่อมสภาพตลอดอายุการใช้งาน ไม่หลุดล่อนและไม่มีรอยต่อ และไม่กลัวมอด ปลวก

 

 

ระบบ Spray Foam อุปกรณ์หลักที่ใช้งานมี

 

  1. Pump ลมสำหรับจ่ายน้ำยา
  2. เครื่อง Spray Foam ระบบ High Pressuer 
  3. สายส่งน้ำยา
  4. ปีน Mix น้ำยา Spray ระบบ Self Cleaning
  5. Compressor
  6. อุปกรณ์อื่นๆ เช่น นั่งร้าน สายไฟ อุปกรณ์กันเลอะ ฯลฯ

   ส่วนผสมและวิธีการเตรียมพื้นผิว

 

   ส่วนผสมน้ำยาที่ใช้ คือ Component A แและ Component B อัตราส่วน 1:1 ส่วน

 

 

 
 
 
Visitors: 527,447